ก่อตั้งศูนย์วิปัสสนาโพธิวัณณา

#

การเปิดศูนย์วิปัสสนาโพธิวัณณาจะเป็นจริงไปไม่ได้เลย ถ้าหากไม่ได้รับการสนับสนุนจากคนในครอบครัวทั้งพ่อ แม่ พี่ น้อง รวมทั้งกัลยาณมิตรทั้งหลายล้วนเห็นด้วย โดยเฉพาะพี่สาวทั้งสองคน ที่พอรู้ว่าแม่ชีคิดจะก่อตั้งศูนย์วิปัสสนา เขาก็ยกที่ดินในส่วนของเขาให้ทันที โดยเฉพาะอาจารย์จันทร์เพ็ญ บัวทอง ซึ่งศึกษาและปฏิบัติธรรมมาร่วม ๓๐ ปี ยังช่วยเป็นวิทยากรแนะนำการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานอีกด้วย

วิทยากรที่นี่มีทั้งพระ แม่ชี และฆราวาส ส่วนใหญ่ยังอยู่ในวัยหนุ่มวัยสาว มีทั้งที่เป็นพี่สาว น้องชาย น้องสะใภ้ ลูกชาย หลานชาย หลานสาว ที่เป็นเครือญาติของแม่ชี และกลุ่มกัลยาณมิตรที่สละเวลามาช่วยกันดูแลและเป็นวิทยากร บางคนก็รับราชการเป็นทนาย เป็นผู้พิพากษา เป็นครู บางคนก็เป็นพ่อค้า นักธุรกิจ เจ้าของกิจการ และจากหลากหลายอาชีพ แม้กระทั่งดาราก็มาช่วยกันด้วยใจที่เป็นบุญเป็นกุศลอยากให้ธรรมทาน แต่ละคนปฏิบัติมานาน ล้วนแต่ผ่านหลักสูตรเข้มมาแล้วทั้งนั้น ฉะนั้นวิทยากรทุกคนจึงสามารถนำปฏิบัติและให้คำแนะนำข้อสงสัยในการปฏิบัติแก่โยคีได้

แม่ชีตั้งใจเผยแพร่พระพุทธศาสนาด้วยการแนะนำวิธีการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานและให้คำแนะนำช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหา ผู้ที่ประสบกับความทุกข์และอยากหาหนทางดับทุกข์ เราหวังให้ศูนย์วิปัสสนาโพธิวัณณาแห่งนี้เป็นเหมือนบ้านหลังที่สองของผู้ที่มาปฏิบัติธรรม จะได้ฝึกจิตของตนเองเพื่อสร้างภูมิต้านทานกับอุปสรรคปัญหาใหญ่น้อยที่เข้ามาในชีวิต นอกจากนี้ ศูนย์วิปัสสนาโพธิวัณณายังดำเนินกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์ต่างๆ โดยร่วมมือกับองค์กรการกุศลอื่นๆ อีกด้วย เช่น จัดกิจกรรมเยาวชนในโครงการต้นกล้าคุณธรรม

ความตั้งใจอีกข้อหนึ่งที่คิดไว้ตั้งแต่แรกคือ ต้องการให้ศูนย์ปฏิบัติธรรมมีความเป็นสัปปายะ ให้มากที่สุด เพื่อช่วยเกื้อกูลให้การปฏิบัติได้ผลมากที่สุด คือต้องจัดสถานที่ให้สะดวกสบาย เงียบสงบ บริเวณศูนย์วิปัสสนาโพธิวัณณาอยู่ห่างจากถนนใหญ่ประมาณ ๒๐๐ เมตร ปราศจากเสียงรบกวนจากยานพาหนะ รอบๆ ศูนย์เป็นสวนยางทำให้ไม่ร้อน บรรยากาศรอบด้านเงียบสงบ สภาพแวดล้อมจึงเหมาะสมกับการปฏิบัติ

ที่นี่มีบ้านพักสำหรับผู้มาปฏิบัติจำนวน ๔๐ หลัง หลังหนึ่งพักได้ประมาณ ๕ ท่าน สถานที่สงบ สะดวก ปลอดภัย มีอาคารปฏิบัติธรรมกว้างขวางโปร่งสบาย สามารถเดินทางจากกรุงเทพฯ เพียงสองชั่วโมงโดยรถส่วนตัว สำหรับผู้ที่ไม่มีรถ ทางศูนย์ได้จัดรถตู้ไว้บริการรับ – ส่งจากกรุงเทพฯ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เรามีแม่ครัวทำอาหารมังสวิรัติ ๒ มื้อ และมีน้ำปานะให้ดื่มในรอบเย็น แต่ถ้าใครไม่พร้อมที่จะงดมื้อเย็น เราก็มีอาหารเย็นให้ ช่วงเช้ายังจัดสถานที่ให้ผู้ปฏิบัติได้ใส่บาตรพระภิกษุสงฆ์เพื่อที่จะได้ทั้งทาน ศีล ภาวนาครบถ้วน

การปฏิบัติธรรมที่นี่ได้ขอให้ทุกท่านปิดวาจา ถ้าไม่มีเรื่องจำเป็นก็ไม่ควรพูด ยกเว้นสอบถามข้อข้องใจจากแม่ชีหรือพี่เลี้ยง การปิดวาจาจะช่วยให้การควบคุมสติดีขึ้น การปฏิบัติก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพระเวลาพูดจิตเราจะคิดฟุ้งไป เวลาปฏิบัติจิตจะสงบได้ยาก สิ่งเหล่านี้อาจเป็นเรื่องยากสำหรับหลายคน แต่ขอให้มองไกลไปถึงผลว่า ทั้งหมดเพื่อช่วยให้ผู้ปฏิบัติมีจิตผ่องใส สงบและมั่นคง มีพลังใจที่จะต่อสู้กับนิวรณ์ที่มารบกวนได้ โดยเฉพาะในช่วง ๒ - ๓ วันแรก หากผู้ปฏิบัติผ่านพ้นไปได้ก็จะมีกำลังใจอยู่ปฏิบัติจนครบ ๗ วัน